สวรรค์ของนักดำน้ำทั่วโลก
นึกขำตัวเองทุกทีเมื่อหวนรำลึกถึงการเดินทางไปยังเกาะเต่าในครั้งแรก ตอนนั้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2545 ผมได้วางแผนการเดินทางไปท่องเที่ยวดำน้ำที่เกาะเต่า โดยเป็นการเดินทางไปเพียงคนเดียวแบบไม่ปรึกษาใคร (คิดว่าตัวเองแน่) หาข้อมูลก็เพียงเล็กน้อย รู้แต่เพียงว่า เกาะเต่า เป็นตำบลหนึ่งของอำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เลยด่วนตัดสินใจไปว่า การเดินทางไปยังเกาะเต่า ก็ต้องเริ่มต้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
และเมื่อไปถึงสุราษฎร์แล้ว จึงค่อยซื้อตั๋วเรือนอนที่ท่าเรือบ้านดอน หน้าเมืองสุราษฎร์เพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะเต่า สาเหตุที่เรียกว่าเรือนอนนั้น ก็เพราะว่าบนเรือมีที่นอนเล็กๆ เตรียมไว้ให้ โดยเรือจะออกจากท่าในเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ถึงเกาะเต่าในช่วงรุ่งสางของวันใหม่พอดี เรือนอนนั้นมีขนาดใหญ่พอสมควร มีลักษณะคล้ายเรือตังเกหาปลา ด้านหัวเชิดตรงกลางลำโค้ง สอบถามคนเรือได้ความว่ามักจะมีชาวต่างชาติที่นิยมการเดินทางแบบประหยัดร่วมเดินทางปะปนไปกับเรือชนิดนี้เสมอ เนื่องจากราคาค่าเดินทางที่ไม่สูงนัก
สำหรับผมแล้ว คืนนั้นพอขึ้นเรือได้ก็เอนตัวลงนอนเลย เพราะนั่งต่อไปก็มองไม่เห็นอะไร ทะเลมีเพียงน้ำกับฟ้าและสายลมคาวเค็มเย็นยะเยือก ในยามดึกเช่นนี้รอบตัวมีแต่สีดำ สู้เก็บแรงไว้เพื่อวันรุ่งขึ้นจะดีกว่า
และนั่นคือประสบการณ์การเดินทางไปยังเกาะเต่าครั้งแรกของผม ที่ใช้ระยะเวลาการเดินทางจากฝั่งค่อนข้างมาก
หลังจากทริปนั้นกลับมาจึงถึงบางอ้อว่า เวลาจะไปเกาะเต่า หากเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ก็ควรจะใช้บริการเรือเร็วจากจังหวัดชุมพรจะรวดเร็วกว่า โดยหลายปีมานี้ที่จังหวัดชุมพรมีบริการเรือเร็วลมพระยา ซึ่งเป็นเรือเร็วขนาดใหญ่ติดแอร์เย็นฉ่ำ โครงสร้างท้องเรือแบบสองท้องวิ่งตัดคลื่นได้ดี เรือชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า “เรือคาตามาราน” แต่เมื่อนำมาเปิดให้บริการจากจังหวัดชุมพรสู่เกาะเต่า โดยบริษัทเรือเร็วลมพระยาจำกัด จึงเรียกติดปากกันว่า “เรือเร็วลมพระยา”
เรือเร็วลมพระยาบริการรับส่งผู้คนและนักท่องเที่ยว ที่มีความประสงค์จะเดินทางไปยังเกาะเต่า เกาะนางยวน เกาะพะงัน และเกาะสมุย โดยการเดินทางเริ่มจากท่าเรือทุ่งมะขามน้อย จังหวัดชุมพร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหาดทรายรีมากนัก ใช้เวลาเดินทางถึงเกาะเต่าเพียง 1 ชั่วโมงเศษๆ เท่านั้น ค่าบริการท่านละ 550 บาทต่อเที่ยว (ราคานี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเทศกาล) นับว่าเป็นการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็วมาก ทริปนี้ผมจึงเดินทางสู่เกาะเต่าด้วยเวลาอันรวดเร็ว
หลังจากเก็บสัมภาระเข้าที่พักในห้องพักสุดหรูของเกาะเต่าวิวพอยท์ รีสอร์ท ที่ตั้งอยู่บริเวณหาดโฉลกบ้านเก่า ซึ่งเป็นหาดที่สวยงามของเกาะเต่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การท่องเที่ยวผจญภัยของวันนี้จึงได้เริ่มต้นขึ้น
เกาะเต่า ในปัจจุบันนี้ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ดำน้ำชมปะการังที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง โดยติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก (ไม่ธรรมดาเลยแฮะ) ซึ่งมีชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาดำน้ำกันมากขึ้นทุกปี ผมมาเห็นเกาะเต่าในวันนี้ก็ได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดูแล้วเศรษฐกิจบนเกาะนี้คงจะสะพัดน่าดู ที่ดินบนเกาะมีราคาแพง มีร้านค้าและที่พักให้บริการอยู่มากมาย ท่าเรือมีความเป็นระบบมากขึ้น การเดินทางบนเกาะก็สะดวกสบายมากขึ้นเช่นกัน
บนเกาะเต่า ซึ่งมีสภาพภูมิประเทศเป็นเนินเขาสูงต่ำนี้ประกอบไปด้วยหมู่บ้าน 3 หมู่บ้าน อันได้แก่ บ้านหาดทรายรี บ้านแม่หาด และบ้านโฉลกบ้านเก่า หากจะพิจารณาถึงสภาพภูมิประเทศโดยรวมของเกาะเต่านั้น จะพบว่ามีรูปร่างคล้ายเมล็ดถั่ว หรือบางคนก็มองว่า มีรูปร่างคล้ายเต่า โดยส่วนหางนั้นคือบริเวณที่เป็นเกาะนางยวน นั่นเอง
ผมย้อนกลับมาที่ท่าเรือเกาะเต่า เพื่อจะเดินทางไปดำน้ำชมปะการังในอ่าวต่างๆ รอบเกาะ เกาะเต่านั้นมีอ่าวที่มีปะการังสวยงามรวมทั้งสิ้นอยู่ประมาณ 11 อ่าว แต่อ่าวที่ว่ากันว่ามีปะการังสวยงามมากที่สุด และเป็นอ่าวที่นักท่องเที่ยวนิยมไปดำน้ำกันมากนั้นคือ อ่าวม่วง อ่าวลึก และ กองหินวง ซึ่งแต่ละอ่าวนั้นก็มีความงดงามแตกต่างกันออกไป และเหมาะกับการดำแบบผิวน้ำ (Snorkeling)
ส่วนถ้าใครต้องการดำน้ำแบบการดำน้ำลึก (Scuba divng) บนเกาะเต่าก็มีบริการอยู่มากมายหลายผู้ประกอบการ สนนราคานั้นแตกต่างกันออกไปตามระยะทางและเวลาที่ใช้ หรือแม้แต่ผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การดำน้ำลึกมาก่อน ที่เกาะเต่าก็มีบริการหลักสูตรเบื้องต้น บางแห่งโฆษณารายละเอียดไว้ว่าใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงก็สามารถดำน้ำลึกได้ โดยราคาเริ่มต้นที่ 2,000 บาท ขึ้นไป
เกาะเต่า ถึงแม้จะเป็นเกาะที่อยู่กลางทะเลอ่าวไทย แต่ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องพายุหรือภัยทางธรรมชาติมากนัก ด้วยเหตุนี้ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาท่องเที่ยวดำน้ำกันเป็นจำนวนมากขึ้นทุกปี ทั้งยังเป็นทางผ่านของการเดินทางไปสู่เกาะพะงันได้อย่างสะดวกอีกด้วย
วันนี้ผมไปดำน้ำชมปะการังในอ่าวสวยๆ หลายอ่าว จนมาถึงโปรแกรมสุดท้าย คือการขึ้นไปชมทิวทัศน์บนเกาะนางยวน ที่ตั้งอยู่เคียงคู่กับเกาะเต่าในทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เกาะนางยวนเป็นเกาะที่เอกชนได้รับการสัมปทานไปประกอบการธุรกิจ แต่นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถขึ้นไปชมความสวยงามของธรรมชาติบนเกาะได้ โดยจะต้องเสียค่าบริการคนละ 30 บาท เกาะนางยวนมีลักษณะเป็นเกาะเล็กๆ สองเกาะอยู่ใกล้กันโดยมีสันทรายเป็นตัวเชื่อมเกาะทั้งสองให้เดินถึงกันได้ บริเวณกึ่งกลางของสันทรายมีที่ตั้งของสำนักงาน และร้านอาหาร
บนเกาะมีชาวต่างชาตินิยมมาพักผ่อนกันมาก โดยมีบริการที่พัก และจุดชมวิวที่โดดเด่น หากเดินขึ้นไปบนจุดชมวิว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที แล้วมองลงมาจะเห็นสันทรายเชื่อมต่อระหว่างเกาะ ดูคล้ายทะเลแหวกที่จังหวัดกระบี่
บริเวณสันทรายชาวต่างชาตินิยมมานอนอาบแดดเพื่อปรับสีผิว บ้างก็ลงดำน้ำตื้นสลับกับความร้อนในยามบ่าย สำหรับผมแล้วขอนั่งพักอยู่ใต้ร่มเงาไม้ เพื่อชมทัศนียภาพสวยงามไปพลางๆ บนเกาะนางยวนนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมกันอย่างไม่ขาดสาย และทางผู้ดูแลมีมาตรการการควบคุมเรื่องขยะซึ่งทำได้ดี จึงทำให้เกาะนางยวนสวยงามอยู่ตลอดเวลา
ผมกลับถึงที่พักในช่วงเวลาเย็น ได้นอนแช่น้ำในสระว่ายน้ำเล็กๆ หน้าห้องพักบนยอดเขาของเกาะเต่าวิวพ้อยท์ รีสอร์ท ทำให้รู้สึกสบาย ผมนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ในสระน้ำอย่างนั้นเป็นเวลานาน เพื่อรอชมช่วงเวลาที่แสงสุดท้ายจะหายไปที่ขอบทะเล มันเป็นช่วงเวลาที่ประทับใจ ความสวยงามของท้องทะเลที่ขณะนี้เป็นสีทองระยิบ มีเรือหาปลาลำเล็กวิ่งตัดคลื่นออกไปโดยที่ผมไม่รู้จุดหมาย
ทะเลคือความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว แต่ทว่ายิ่งใหญ่ไพศาล ช่วงเวลานี้ผมมีความสุข ปัญหาบางเรื่องที่ตามติดตัวมา กลับถูกลืมทิ้งไปอย่างไม่น่าเสียดาย ผมเริ่มคิดได้แล้วว่า บางครั้งการเดินทางและที่พักที่ว่าราคาสูงนั้น ก็ทำให้เรารู้สึกคุ้มค่าเมื่อแลกกับการช่วยปลอบประโลมให้เราได้รู้สึกดีขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เรา ลังเลใจ